| ชื่อเรียกอื่น | : เลี้ยงบ้านไทดำ, เลี้ยงปี, เลี้ยงหอ |
|---|---|
| เดือนที่จัดงาน | : เมษายน,พฤษภาคม |
| เวลาทางจันทรคติ | : วันพฤหัสบดีของสัปดาห์แรกหรือสัปดาห์ที่สองเดือน 6 ตามเวลาทางจันทรคติ |
| สถานที่ | : บ้านนาป่าหนาด ตำบลเขาแก้ว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย |
| ภาค / จังหวัด | : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : เลย |
| ประเภท | : ประเพณีของกลุ่มชาติพันธุ์,ประเพณีเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองและเพื่อสิริมงคล |
| ประเพณีที่เกี่ยวข้อง | : |
| คำสำคัญ | : แถบ,ไทดำ,ไทยทรงดำ, บ้านนาป่าหนาด |
| ผู้เขียน | : ธีระวัฒน์ แสนคำ และทรงสุรวิทย์ ย้อยแสง |
| วันที่เผยแพร่ | : 1 ต.ค. 2561 |
| วันที่อัพเดท | : 1 ต.ค. 2561 |
ไทดำ ไททรงดำ ผู้ไทดำ หรือลาวโซ่ง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่เรียกตนเองว่า ไตหรือไท ที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากเมืองแถงในแคว้นสิบสองจุไทหรือเดียนเบียนฟู ในปัจจุบันเป็นจังหวัดหนึ่งที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ.2425 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พวกจีนฮ่อเข้าโจมตีรุกรานแถบหัวเมือง คือ แคว้นพวน หลวงพระบาง เวียงจันทน์ หลายครั้ง ทางไทยได้ส่งกองทัพไปปราบฮ่อ และได้มีการอพยพไทดำเข้ามาไว้ในประเทศไทยซึ่งชาวไทดำที่อพยพมาในแต่ละครั้งนั้นได้กระจายกลุ่มกันตั้งถิ่นฐานตามที่ต่างเช่น ที่จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี และที่บ้านนาป่าหนาด ตำบลเขาแก้ว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย โดยชาวไทดำที่อพยพมายังได้นำประเพณีและวัฒนธรรมของตนมาด้วย โดยเฉพาะพิธีกรรม ความเชื่อในเทพเจ้าที่ชาวไทดำเรียกว่า “แถน” และการนับถือวิญญาณบรรพบุรุษที่ชาวไทดำยังคงปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
ชาวไทดำเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีศาสนา ความเชื่อเป็นของตนเอง ที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นนั่นคือการนับถือบรรพบุรุษของตนเองที่ล่วงลับไปแล้ว และนับถือแถนซึ่งชาวไทดำเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าที่ให้กำเนิดชาวไทดำที่เรียกกันว่า “แถนหลวง” ที่เป็นใหญ่เหนือทุกสิ่งบนโลกและนับถือเจ้าป่าเจ้าเขา อีกทั้งชาวไทดำยังให้ความสำคัญกับผู้ที่มีพระคุณต่อชาวไทดำ เมื่อชาวไทดำไม่ว่าจะอพยพไปอยู่ที่ไหนก็มักจะมีการตั้งหอ (ศาลขนาดเล็ก) เพื่อรำลึกถึงเทพเจ้าและของบรรพบุรุษ หรือเจ้าที่เจ้าทางก็ดี ให้คอยปกป้องคุ้มครองรักษาชาวไทดำที่อาศัยอยู่ที่นี้ให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป ด้วยเหตุนี้จึงมีพิธีกรรมเลี้ยงหอเจ้าบ้านขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณทั้งยังเป็นตอบแทนที่คอยช่วยเหลือปกป้องคุ้มครองรักษาชาวไทดำให้อยู่ดีมีสุข
พิธีกรรมเลี้ยงหอเจ้าบ้านของชาวไทดำ บ้านนาป่าหนาด ในรอบ 1 ปีจะมีการประกอบพิธีกรรม 2 ครั้งครั้งแรกจะทำพิธีเลี้ยงหอเจ้าบ้านในเดือน 6 เรียกว่า “เลี้ยงเข้า” และครั้งที่สองจะทำพิธีเลี้ยงหอเจ้าบ้านในเดือน 12 ตามจันทรคติ เรียกว่า “เลี้ยงออก” โดยการเลี้ยงหอเจ้าบ้านครั้งแรกในเดือน 6 จะใช้หมูเป็นสัตว์เซ่นไหว้หลัก ส่วนในการเลี้ยงหอเจ้าบ้านครั้งที่สองจะใช้ไก่เป็นสัตว์เซ่นไหว้หลัก ซึ่งในการเก็บข้อมูลครั้งนี้ขอนำเสนอพิธีเลี้ยงหอเจ้าบ้านในเดือน 6
ลุงแก้ว ซ้อนเติม ซึ่งเป็นเจ้าจ้ำผู้นำในการประกอบพิธีเลี้ยงหอเจ้าบ้านเล่าว่า พิธีกรรมเลี้ยงหอเจ้าบ้านครั้งแรกของชาวไทดำบ้านนาป่าหนาด จะถูกกำหนดขึ้นในวันพฤหัสบดีแรกหรือพฤหัสบดีที่สองในช่วงวันข้างขึ้นเดือน 6 ของทุกปี ก่อนวันเลี้ยงหอเจ้าบ้านหนึ่งวันชาวบ้านจะช่วยกันเรี่ยไรเงินเพื่อนำมาซื้อหมู ไก่และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ รวมทั้งเป็นการบริจาคเพื่อทำบุญซื้อสิ่งของมอบเป็นของส่วนรวมเพื่อใช้ในการเลี้ยงหอในครั้งต่อไป
พิธีกรรมนี้จัดขึ้นที่หอเจ้าบ้านของหมู่บ้านนาป่าหนาดซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้าน วันเลี้ยงหอเจ้าบ้านคนในหมู่บ้านจะถือว่าเป็นวันหยุด ทุกๆบ้านจะหยุดทำงานเพื่อมาร่วมพิธีเลี้ยงหอเจ้าบ้าน ในวันงานช่วงเวลาประมาณตี 4 ชาวบ้านจะช่วยกันนำหมูตัวใหญ่มาทำพิธีมอบต่อหน้าหอเจ้าบ้าน แล้วก็ทำการฆ่าหมูแล้วชำแหละโดยช่วยกันแล่เนื้อออกเป็นชิ้นๆ เพื่อนำไปต้มอยู่ภายในบริเวณดอนหอเจ้าบ้าน ที่มาของหมูที่นำมาฆ่าเซ่นไหว้นั้น
ลุงสุทธิสอาน นามกอง ผู้ใหญ่บ้านบ้านนาป่าหนาด หมู่ที่ 4 ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
“ได้มีการประชุมชาวบ้าน โดยมีมติเก็บเงินครัวเรือนละ 50 บาท เพื่อซื้อหมู ใครไม่มีก็ไม่ว่ากัน ขึ้นอยู่กับศรัทธาของแต่ละคน บางคนก็นับถือศาสนาคริสต์ ก็ไม่เลี้ยงผี บางคนที่ศรัทธาก็จะบริจาคทำบุญมากกว่ามติที่ประชุมก็มี”
พอรุ่งเช้าเวลาประมาณ 7 นาฬิกา ชาวบ้านในหมู่บ้านจะช่วยกันเตรียมกรวยดอกไม้ และข้าวของที่จะนำไปถวายแก่หอเจ้าบ้านทั้ง 4 หอ ที่บริเวณบ้านเจ้าเสื้อซึ่งเป็นเชื้อสายชนชั้นผู้ปกครองของชาวไทดำ โดยจะมี “นายแต่ง” เป็นผู้นำในการจัดเตรียม ประกอบไปด้วยปานหวาย (พาชนะที่เป็นหวาย) หรือพานจำนวน 4 พาน ได้แก่
พานที่ 1 สำหรับหอเจ้าไทดำ ประกอบไปด้วย ผ้าขาวม้า 1 ผืน, เสื้อแขนยาวสีดำ ไทดำ 1 ตัว, กางเกงขายาว 1 ตัว, เสื้อ 1 ตัว, ผ้าซิ่น 1 ผืน, ผ้าเปียวเบอะ (ผ้าคลุมศีรษะ) 1 ผืน, กำไลแขน (ป้องแขน) 1 อัน, หัวหมาก 1 อัน, ขัน 5 (ดอกไม้และเทียน 5 คู่) และขัน 8 (ดอกไม้และเทียน 5 คู่) ใส่ถ้วย, ขัน 8 (ดอกไม้และเทียน 8 คู่) และขัน 12 (ดอกไม้และเทียน 12 คู่) วางบนแผ่นขี้ผึ้ง, ข้าวหวาน (ข้าวโรยน้ำตาล) 2 จอก และผ้าขาวปู 1 ผืน
พานที่ 2 สำหรับหอเจ้าอนุเวียงจันทน์ ประกอบไปด้วย กำไลแขน 1 อัน, กางเกง 1 ตัว, ผ้าโสร่ง 1 ผืน, เสื้อ 1 ตัว, ผ้าสีแดง 2 ผืน, ผ้าซิ่น 1 ผืน, ผ้าขาวม้า 1 ผืน, หัวหมาก 1 อัน, ขัน 5 และขัน 8 ใส่ถ้วย, ขัน 8 และขัน 12 วางบนแผ่นขี้ผึ้ง และข้าวหวาน 2 จอก
พานที่ 3 สำหรับหอเจ้าภูแก้ว ประกอบไปด้วย กำไลแขน 1 อัน, เสื้อ 2 ตัว, ผ้าซิ่น 1 ผืน, ผ้าขาวม้า 1 ผืน, หัวหมาก 1 อัน, ขัน 5 และขัน 8 ใส่ถ้วย, ขัน 8 และขัน 12 วางบนแผ่นขี้ผึ้ง และข้าวหวาน 2 จอก
พานที่ 4 สำหรับหอเจ้าภูหวด ประกอบไปด้วย ผ้าเปียวเบอะ (ผ้าคลุมศีรษะ) 1 ผืน, หัวหมาก 1 อัน, ขัน 5 และขัน 8 ใส่ถ้วย, ขัน 8 และขัน 12 วางบนแผ่นขี้ผึ้ง, ผ้าขาวม้า 1 ผืน, ผ้าขาวปู 1 ผืน, เสื้อแขนยาว 1 ตัว, ขันหมากพลู 4 ขัน และขันทองเหลืองใส่ผ้าเหลือง
ในขณะเดียวกันชาวไทดำทุกบ้านจะนำกรวยดอกไม้ของแต่ละครัวเรือนมารวมกันที่บ้านเจ้าเสื้อ เพื่อนำไปบูชาที่หอเจ้าบ้าน ในกรวยดอกไม้ที่นำมานั้นจะมีจำนวนเท่ากับจำนวนคนในครอบครัว เมื่อเตรียมของไหว้เสร็จ ชาวบ้านก็ทยอยเดินทางไปยังดอนหอเจ้าบ้านโดยทุกคนที่ไปจะมีตะกร้าใส่กรวยดอกไม้และขวดเหล้าไปด้วยทุกคน
พิธีกรรมเลี้ยงหอเจ้าบ้านจะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อหมูที่ต้มเพื่อนำไปถวายหอเจ้าบ้านทั้ง 4 หอนั้นสุกแล้วเท่านั้น หากหมูยังไม่สุกก็ต้องต้มไปเรื่อยๆ ในการเลี้ยงหอนี้มีบุคคลสำคัญเป็นผู้กระทำพิธีที่เลี้ยงหอ ที่ชาวไทดำเรียกกันว่า “เจ้าจ้ำ” และ “เจ้าเสื้อ” เจ้าจ้ำหรือเฒ่าจ้ำจะเป็นผู้บอกกล่าวติดต่อสื่อสารกับวิญญาณของเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วนเจ้าเสื้อนั้นจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ติดสื่อสารกับวิญญาณบรรพบุรุษที่เสียชีวิตไปแล้วที่เรียกกันว่า “เสื้อ” คำว่าเสื้อในที่นี้หมายถึง “เสื้อบ้าน” หรือ “เสื้อเมือง” นั่นเอง
ในระหว่างที่รอหมูสุกนั้นชาวก็ทยอยกันมาเรื่อยๆ บ้างก็นำน้ำและกระติบข้าวถวายหอเจ้าบ้าน ชาวบ้านบางส่วนก็หั่นใบมะกอก ใบขมฟาดเพื่อเตรียมไว้คลุกกับหมู บางส่วนก็ทอดหนังหมู บางส่วนก็หั่นหมูไว้ทำลาบ ซึ่งการเลี้ยงหอเจ้าบ้านนี้เป็นเสมือนการพบปะ รวมญาติพี่น้องชาวไทดำทั้งคนหนุ่มคนสาวผู้เฒ่าผู้แก่ มานั่งพูดคุยถามไถ่ความเป็นอยู่ซึ่งกันและกันในระหว่างที่รอหมูที่ต้มอยู่สุก เมื่อหมูสุกชาวบ้านจะช่วยกันนำหมูขึ้นจากกระทะต้มมาไว้ที่กะละมัง จากนั้นจึงยกขึ้นไปถวายหอเจ้าบ้านทั้ง 4 หอ ลุงช่วง แห่วกุยอมซึ่งเป็นเจ้าเสื้อไทดำบ้านนาป่าหนาดเล่าว่าหอเจ้าทั้ง 4 หอ ประกอบด้วย
1. หอเจ้าไทดำ เป็นหอที่ชาวไทดำให้ความเคารพเพราะเชื่อว่าเจ้าไทดำนี้คือ “พญาแถน” ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดมนุษย์ให้กำเนิดชาวไทดำ และส่งปฐมกษัตริย์ลงมาปกครองชาวไทดำคือ “ขุนลอคำ” และดังจะเห็นได้จากการตั้งชื่อเมืองของชาวไทดำที่เดียนเบียนฟูว่า “เมืองแถง” หรือเมืองแถนซึ่งเรียกอีกอย่างว่าเทพนคร ฉะนั้นชาวไทดำจึงถือว่าพญาแถนนี้เป็นเจ้าแห่งชาวไทดำทั้งปวง ดังจะเห็นได้ว่าชาวไทดำนั้นให้ความเคารพพญาแถนเหนือสิ่งอื่นใด โดยแถนที่เป็นใหญ่นี้เรียกว่า “แถนหลวง”
2. หอเจ้าอนุเวียงจันทน์ (เจ้าอนุวงศ์) สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระคุณของเจ้าอนุวงศ์ กษัตริย์ของเวียงจันทน์ โดยชาวไทดำเมืองครั้งในอดีตนั้นเคยอพยพเข้าตั้งถิ่นฐานที่เมืองเชียงขวางในลาวเมื่อสมัยครั้งที่เจ้าอนุวงศ์เป็นกษัตริย์ปกครองเวียงจันทน์ โดยมิได้ทำอันตรายแก่ชาวไทดำพร้อมทั้งยังให้ตั้งถิ่นฐานทำมาหากินได้ตามใจทั้งยังปกครองชาวไทดำด้วยดีตลอดสมัยของพระองค์ ดังนั้นชาวไทดำจึงถือว่าเจ้าอนุวงศ์เป็นกษัตริย์ที่มีพระคุณต่อชาวไทดำ จึงได้สร้างหอเจ้าอนุเวียงจันทน์ขึ้นเพื่อเป็นที่สถิตดวงวิญญาณของเจ้าอนุวงศ์ เพื่อให้มาปกป้องคุ้มครองชาวไทดำที่อาศัยอยู่ที่นี่ ดังเช่นในอดีตที่เคยปกครองชาวไทดำที่ลาว
3. หอเจ้าภูแก้ว เป็นหอที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สถิตของเทพเจ้าหรือเจ้าเขาแก้ว และเจ้าเขานี้ให้มาปกป้องรักษาคนในหมู่บ้าน เขาแก้วหรือภูแก้วซึ่งเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน ชาวไทดำถือว่าภูแก้วนี้เป็นภูเขาสำคัญซึ่งเป็นทั้งต้นน้ำที่ไหลผ่านบ้านนาป่าหนาด คือห้วยน้ำฮวยและห้วยน้อย และยังเป็นพื้นที่ทำมาหากินของชาวไทดำ ชาวบ้านเราว่าในอดีตจะมีลูกแก้วลอยออกมาจากภูเขาจึงเรียกว่า “ภูแก้ว” ในอดีตชาวไทดำเรียกเขาลูกนี้ว่า “เขาเกี้ยว” ต่อมาจึงเพี้ยนเป็นเขาแก้ว ดังนั้น ชาวไทดำจึงให้ความเคารพภูเขาลูกนี้โดยการสร้างหอขึ้นเพื่อให้เป็นที่สถิตของเทพเจ้า เจ้าที่เจ้าทาง ของภูเขาแก้วแห่งนี้
4. หอเจ้าภูหวด เป็นหอที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สถิตของเทพเจ้าภูหวดหรือเจ้าเขาหวด ซึ่งภูหวดเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่บ้าน ชาวไทดำถือว่าภูหวดนี้เป็นภูเขาสำคัญอีกลูกหนึ่ง ที่ให้ชาวไทดำได้เข้าไปเก็บของป่าบนเขาและเป็นพื้นที่ทำมาหากินของชาวไทดำ ดังนั้นชาวไทดำจึงให้ความเคารพภูเขาลูกนี้เช่นเดียวกันกับภูเขาแก้ว
การนำของเซ่นไหว้ขึ้นวางนั้น จะวางไว้บนแท่นหน้าหอโดยมีกระติบข้าวเหนียวและขวดน้ำอยู่ด้านข้าง ซึ่งหอแรกคือหอเจ้าไทดำจะวางหัวหมูและขากับอวัยวะต่างๆ หอที่สองคือหอเจ้าอนุเวียงจันทน์ โดยจะวางส่วนตัวและขา หอเจ้าภูแก้วจะวางส่วนตัวและขา และหอเจ้าภูหวดจะวางส่วนขาและอวัยวะภายใน จากนั้นเจ้าจ้ำ เจ้าเสื้อและชาวบ้านที่เป็นผู้ชายจะช่วยกันเปิดฝากระติบข้าวเหนียว เปิดฝาขวดน้ำ ทั้งนี้บริเวณแท่นหอเจ้าบ้านมีแต่เฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่ขึ้นไปได้
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเจ้าจ้ำจะเป็นผู้ประกอบพิธีบอกกล่าวแก่หอเจ้าบ้านทั้ง 4 หอให้รับรู้ว่าชาวไทดำบ้านนาป่าหนาดได้จัดพิธีเลี้ยงหอเจ้าบ้านแล้ว และวิญญาณบรรพบุรุษของชาวไทดำลงมารับของเซ่นไหว้ที่ชาวบ้านได้เตรียมไว้ เมื่อเจ้าจ้ำบอกกล่าวเสร็จแล้วก็จะนั่งรอ ระหว่างนั้นผู้ใหญ่บ้านจะชี้แจงเรื่องรายรับรายจ่ายให้แก่ผู้ที่มาร่วมงานได้รับทราบ
เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที เจ้าจ้ำจะบอกให้ยกหมูที่นำมาเซ่นไหว้ลงจากแท่นนำมาไว้ด้านล่างเพื่อให้เหล่าเสนาและบริวารของหอเจ้าบ้านทั้ง 4 ได้กิน เมื่อสมควรแก่เวลา เจ้าจ้ำจึงจะบอกให้ยกหมูที่นำมาเซ่นไหว้นั้นไปทำเป็นอาหารแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่มาร่วมงานได้รับประทาน
จากนั้นเจ้าจ้ำจึงเริ่มการทำ “พิธีเลื่อมใส” หรือพิธีคารวะ โดยชาวบ้านที่มาจะนำกรวยดอกไม้และเหล้ารินใส่แก้วเตรียมไว้บนจานเพื่อนำไปให้เจ้าจ้ำเลื่อมใสให้ พิธีเลื่อมใสนี้เจ้าจ้ำจะนำจานที่มีแก้วเหล้า กรวยดอกไม้มาตั้งไว้หน้าแท่นหอเจ้าบ้านทั้ง 4 ที่ก่ออิฐฉาบปูนเป็นผนังด้านบนมีลักษณะเป็นยอดแหลมสามยอด แล้วจึงทำการบอกกล่าวให้จ้าหอทั้ง 4 หอและเหล่าบรรพบุรุษรับทราบโดยเจ้าจ้ำจะบอกชื่อของผู้ที่มาเลื่อมใส และคนในครอบครัว ขอให้อยู่ดีมีสุข ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยและขอให้คนในครอบครัวมีแต่ความสุข ความเจริญ นาข้าวอุดมสมบูรณ์
หลังจากบอกกล่าวแล้วเจ้าจ้ำจะเทเหล้าจากแก้วลงไปยังพื้นด้านล่างหอและเก็บกรวยดอกไม้ไว้ เสร็จแล้วชาวบ้านคนต่อไปจะเข้ามาเลื่อมใสระหว่างนั้นจะชาวบ้านเข้ามาขอเหล้าที่เลื่อมใสแล้วไปดื่ม หากเจ้าจ้ำเหนื่อยเจ้าเสื้อจะเป็นผู้เข้ามาทำหน้าที่แทนผลักกันแบบนี้เรื่อยๆ จนครบทุกคนเมื่อครบทุกคนแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธีเลี้ยงหอเจ้าบ้าน
ป้าพุฒ ซ้อนเปียยุง เล่าว่า
“ในอดีตลูกหลานที่ไปทำงานกรุงเทพฯ ไปที่ไหนก็จะเอาเหล้าไปคารวะ เอาเหล้าไปคนละขวดไปคารวะ จนทั้งวันโน่นแหละกว่าจะเสร็จ คนทั้งหมู่บ้านจะพูด พูดแล้วก็รอจนหยุดพูด แล้วก็เอาน้ำหอมนั้นไปใส่นางเทียม แล้วก็ฟ้อนรอบหอสามรอบ แล้วก็แห่มาบ้าน ตีฆ้อง ตีกลองแห่มาแล้วเจ้าแม่นางเทียมก็มา แล้วนางเทียมก็จะทายทักต่างๆ แล้วค่อยแห่กลับไปยังหอเจ้าบ้าน” ซึ่งปัจจุบันนี้พิธีกรรมลงเทียมเข้าทรงและการแห่นางเทียมรอบหมู่บ้านไม่มีแล้ว
พิธีกรรมเลี้ยงหอเจ้าบ้านจึงถือเป็นประเพณีสำคัญของชาวไทดำบ้านนาป่าหนาดที่มีการสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยชาวไทดำมีความเชื่อว่าดวงวิญญาณทั้ง 4 หอ เป็นผู้ที่ช่วยปกป้องคุ้มครองชาวไทดำให้อยู่ อย่างร่มเย็นเป็นสุข ช่วยให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ชาวไทดำจึงมีการจัดประเพณีเลี้ยงบ้านเพื่อแสดงออกถึงความกตัญญู และตอบแทนบุญคุณ ในเดือน 6 ชาวไทดำเลี้ยงบ้านด้วยหมู 1 ตัว ถือว่าเป็นการเลี้ยงใหญ่ ส่วนเดือน 12 เลี้ยงด้วยไก่ เป็นการเลี้ยงเล็ก ซึ่งในเดือนนี้ต้องมีข้าวเม่าเป็นเครื่องเซ่นที่สำคัญ เพราะแสดงถึงพืชพรรณธัญญาหารที่ชาวไทยดำผลิตได้
ในทุกๆ ปี โดยชาวไทดำมีความเชื่อเกี่ยวกับประเพณีเลี้ยงบ้านว่า ถ้าปีใดไม่ได้จัดประเพณีเลี้ยงบ้านขึ้น ปีนั้นคนในหมู่บ้านต้องเกิดความหายนะ ผู้คนล้มตาย เกิดอุทกภัย ฉะนั้นชาวไทดำบ้านนาป่าหนาดจึงจัดประเพณีเลี้ยงหอบ้านเป็นประจำทุกปี และเป็นประเพณีที่แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวไทดำในชุมชนบ้านนาป่าหนาดอีกด้วย
เพชรตะบอง สิงห์หล่อคำ. หมู่บ้านไทดำ. เลย : เมืองเลยการพิมพ์, 2548.
เพ็ญนิภา อินทรตระกูล. การนับถือผีของชาวไทยดำบ้านนาป่าหนาด ตำบลเขาแก้ว อำเภอเชียงคานจังหวัดเลย. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2535.
อุไรวรรณ หอมทรัพย์ และคณะ. การศึกษาประเพณีเลี้ยงบ้านของชาวไทดำ บ้านนาป่าหนาด ตำบลเขาแก้ว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย. รายงานการวิจัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.), 2553.
สัมภาษณ์
นายแก้ว ซ้อนเติม อายุ 87 ปี เจ้าจ้ำไทดำบ้านนาป่าหนาด. บ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 4 ตำบลเขาแก้ว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย, สัมภาษณ์วันที่ 13 สิงหาคม 2561.
นายช่วง แห่วกุยอม อายุ 87 ปี เจ้าเสื้อไทดำบ้านนาป่าหนาด. บ้านเลขที่ 50 หมู่ที่ 4 ตำบลเขาแก้ว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย, สัมภาษณ์วันที่ 13 สิงหาคม 2561.
นายพล ซ้อนเติม อายุ 80 ปี บ้านเลขที่ 46/3 หมู่ที่ 4 ตำบลเขาแก้ว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย, สัมภาษณ์วันที่ 13 สิงหาคม 2561.
นางพุฒ ซ้อนเปียยุง อายุ 70 ปี บ้านเลขที่ 20/4 หมู่ที่ 4 ตำบลเขาแก้ว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย, สัมภาษณ์วันที่ 13 สิงหาคม 2561.
นายสุทธิสอาน นามกอง อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านนาป่าหนาด. บ้านเลขที่ 171 หมู่ที่ 4 ตำบลเขาแก้ว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย, สัมภาษณ์วันที่ 13 สิงหาคม 2561.