ชื่อเรียกอื่น | : แย้ขู่อ่าเผ่ว |
---|---|
เดือนที่จัดงาน | : สิงหาคม,กันยายน |
เวลาทางจันทรคติ | : เดือน 9 - เดือน 10 |
สถานที่ | |
ภาค / จังหวัด | |
ประเภท | : ประเพณีของกลุ่มชาติพันธุ์,ประเพณีเกี่ยวกับการทำมาหากิน |
ประเพณีที่เกี่ยวข้อง | : |
คำสำคัญ | : อาข่า,เกษตรกรรม |
ผู้เขียน | : ธันวดี สุขประเสริฐ |
วันที่เผยแพร่ | : 12 ม.ค. 2559 |
วันที่อัพเดท | : 4 ก.ค. 2559 |
พิธีโล้ชิงช้าจัดขึ้นประมาณปลายเดือนสิงหาคมของทุกปี เพื่อเป็นการรำลึกถึงเทพธิดา “อึ่มซาแยะ” ผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พืชผลที่กำลังงอกงามในไร่ จัดวนไปแต่ละหมู่บ้านของชาวอาข่า แต่ละชุมชนจัด 4 วัน สองวันแรกของพิธีโล้ชิงช้า ถือเป็นวันเตรียมตัวของชาวบ้านที่ต้องตำข้าวไว้ให้พอกิน เย็บเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายตลอดจนจัดหาสิ่งที่จำเป็นและทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย เพราะในสองวันหลังของเทศกาลมีข้อห้ามไม่ให้ตำข้าว ห้ามเย็บเสื้อผ้า และออกไปนอกหมู่บ้าน แม้แต่การใช้จ่ายเงินซื้อสิ่งของก็ไม่ได้ แต่ไม่ห้ามการรับเงิน
อาข่าถือว่าพิธีโล้ชิงช้าเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ จึงถือเป็นโอกาสอันสำคัญของชาวบ้านที่จะได้มาร่วมชุมนุมกันเพื่อขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เด็กจะโล้ชิงช้าและวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ส่วนหนุ่มสาวก็จะไปพรอดรักเกี้ยวพาราสีกันที่ลานสาวกอดในยามค่ำคืน ในการเล่นชิงช้านั้นต้องคอยระมัดระวังมิให้สายขาด หากผู้ใดทำสายชิงช้าขาดจะถูกปรับให้เสียหมู 1 ตัว เพื่อนำไปเซ่น ขอขมาต่อผีประจำชิงช้าและสายเชือก ในเทศกาลโล้ชิงช้านี้ บางคนกล่าวว่ามีข้อกำหนดบังคับให้ทุกคนต้องเล่นโล้ชิงช้าเพื่อให้ทุกคนได้ปลอดภัยจากผีร้ายด้วย
วันแรกของพิธีจะเป็นพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ผู้หญิงจะไปตักน้ำบริสุทธิ์ที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้าน นำน้ำศักด์สิทธิ์แช่ข้าวสารเหนียวไว้ตำเป็นอาหารเซ่นไหว้บูชา ที่เรียกว่า "ข้าวปุก" (จะใช้ข้าวเหนียวหรือข้าวดอยที่ผ่านการนึ่งมาตำในครกใหญ่ผสมกับงาดำและเกลือ ปั้นเป็นก้อนกลมและบีบให้แบนแล้วนำไปห่อใบตอง)
วันที่สองเป็นวันสร้างชิงช้าใหญ่ของหมู่บ้าน ฝ่ายชายจะรวมตัวกันออกไปตัดไม้ทารกมาทำเสาชิงช้า แต่ละบ้านจะทำชิงช้าเล็กๆ ด้วยไม้ไผ่ ให้แก่ลูกหลาน ที่หน้าบ้านของตนเอง หลังจากทำชิงช้าเสร็จในตอนเย็น ช่วงกลางคืนจะมีการเต้นรำฉลองชิงช้า ด้วยการเต้นรำกระทุ้งกระบอกไม้ไผ่หรือที่ชาวอาข่าเรียกว่า “ตุ๊บองฉ่อง” อย่างสนุกสนานจนถึงรุ่งเช้าของวันใหม่ จากนั้นนักเต้นจะได้รับเชิญจากเจ้าบ้าน เพื่อเลี้ยงอาหารเครื่องดื่มกันอย่างอิ่มหนำสำราญ
วันที่สามเป็นวันเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ตอนเช้ามีการฆ่าสัตว์เลี้ยง เช่น หมู ไก่ เพื่อทำพิธีกรรม และไว้ต้อนรับแขก ญาติสนิท มิตรสหายที่มาเยือน จากนั้นมีการโล้ชิงช้าใหญ่กันอย่างสนุกสนาน พวกหนุ่มสาวก็จะใช้ลานสาวกอดมานั่งพูดคุยกันและเปลี่ยนกันดึงชิงช้า โดยเฉพาะหนุ่มๆ ต้องแสดงความสามารถในการโหนชิงช้าให้สูง เพื่อให้เป็นที่สนใจของสาวๆ พร้อมร้องเพลงเกี้ยวพาราสี เป็นภาษาประจำเผ่า ส่วนเด็กๆ จะมีชิงช้าของพวกเขาที่หน้าบ้านไว้เล่นเช่นกัน พอตกกลางคืนจะมีการเต้นรำกระบอกไม้ไผ่ตลอดทั้งคืน
วันที่สี่เป็นวันทำพิธีปิดเทศกาลของแต่ละชุมชน ผู้ที่ยังไม่ได้โล้ชิงช้า จะมาโล้ชิงช้าเพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัว ก่อนที่หมอผีประจำหมู่บ้านจะผูกสายชิงช้าไว้กับเสาชิงช้า และต้องผูกก่อนตะวันจะตกดิน ส่วนชิงช้าจะปล่อยทิ้งไว้จนกว่าปีใหม่จะเริ่มขึ้นอีกในปีต่อไป
เมื่อเทศกาลโล้ชิงช้าสิ้นสุด หัวหน้าพิธีกรรมแห่งหมู่บ้านจะเป็นผู้เก็บสายเชือกของชิงช้าใหญ่มัดเก็บไว้ที่เดิม ส่วนชิงช้าเล็กๆ ที่แต่ละบ้านสร้างขึ้นเล่นกันก็จะถูกรื้อถอนทิ้งไป และหลังจากพิธีโล้ชิงช้าผ่านพ้นไปแล้ว ก็มีข้อห้ามมิให้ผู้ใดมาเล่นชิงช้านั้นอีกจนกว่าเทศกาลโล้ชิงช้าในปีใหม่จะเวียนมาถึงอีกวาระหนึ่ง
ชิงช้าของอาข่า มีอยู่ 3 แบบ คือแบบกระโจมสี่เสา แบบระหัดวิดน้ำ และแบบสำหรับเด็ก
แบบกระโจมสี่เสา ทำด้วยไม้สี่ต้นริดกิ่งให้หมดเหลือไว้แต่ยอด เมื่อปักเสาทั้งสี่ลงในดินแล้วก็รวบยอดเข้าหากันมัดผูกติดกัน และมีเชือกทำด้วยเถาวัลย์ห้อยลงมาตรงกลางที่ปลายเชือกทำเป็นห่วง
แบบระหัดวิดน้ำ ทำด้วยเสา 2 ต้น ปักลงในดิน ด้านบนเป็นง่ามบากสำหรับรองรับแกนกลาง และมีแขนยื่นออกไป 4 ด้าน ปลายแขนตรงข้ามแต่ละคู่นั้นยึดปลายด้วยไม้ไผ่ มีลักษณะคล้ายระหัดวิดน้ำ มีเชือกผูกห้อยลงมาทั้ง 4 แขน ชิงช้าแบบนี้โล้ครั้งละ 4 คน
แบบสำหรับเด็ก เหมือนแบบกระโจมสี่เสา ผิดกันตรงขนาดเล็กกว่าและมีจำนวนมาก เชือกที่ห้อยตรงกลางสำหรับโล้นั้น ทำด้วยเชือก 2 เส้น ตรงปลายเชือกที่เด็กจะขึ้นไปนั่งโล้นั้นใช้ไม้ไผ่วางทับเชือก
สุนีย์ ประสงค์บัณฑิต.(2546). ประเพณีสิบสองเดือน : พิธีกรรมที่เปลี่ยนไป. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร.
http://www.iamakha.com/forum/index.php/topic,80.0.html สืบค้นวันที่ 17 มิถุนายน 2558
http://www.hilltribe.org/thai/akha/akha-swing.php สืบค้นวันที่ 17 มิถุนายน 2558